ตามที่เคยนำเอาชุดแต่ง G Sports ของค่าย Toyota ที่ใช้กับ Prius มาให้ชมแล้วในวันก่อน วันนี้เลยขอนำภาพและวิดีโอ Toyota FT-86 G Sports รถแนวคิดสไตล์สปอร์ทที่อวดโฉมในงาน Tokyo Auto Salon มาให้ชมกันบ้าง และเช่นเดิม ชุดแต่งนี้เป็นความร่วมมือกับสำนักแต่งรถแข่ง Gazoo ซึ่งการใช้ชุดแต่ง G Sports กับรถแนวคิดสุดฮ็อตอย่าง FT-86 ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่แยบยลในการสร้างข่าวให้ชุดแต่ง G Sports ได้รับความสนใจมากกว่าที่ควรจะเป็น และหลังจากที่ได้อวดชุดแต่งของ Prius และหลายท่าน(ที่ comment ใน AutoSpinn)เห็นพ้องต้องกันว่าไม่แต่งเสียจะดีกว่า แต่การนำเอา FT-86 มาเป็นรถพื้นฐานในการแต่ง Toyota หวังว่าน่าจะทำให้ขายของได้ง่ายขึ้น?! เพราะมั่นใจว่า FT-86 ได้รับความสนใจเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
Toyota FT-86 ยังเป็นรถแนวคิดอยู่ในปัจจุบัน เป็นสปอร์ทคูเป้ขนาดเล็กขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งชุดแต่ง G Sports มีการอัพเกรดในส่วนสำคัญที่สุดซึ่งก็คือ การใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์กับเครื่องยนต์ boxer ของ Subaru 4 สูบ 2.0 ลิตร แต่ทั้ง Toyota และ Gazoo ยังไม่ยอมเปิดเผยในรายละเอียดทางด้านเทคนิค
FT-86 G Sports คันนี้มีการใช้แอโรพาร์ทแต่งตัวถัง ฝากระโปรงทำด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องรับอากาศ กันชนทั้งหน้าและหลังมีการออกแบบใหม่ รวมถึงปีกหลังที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Potenza RE050 สมรรถนะสูง ขนาด 245/40 R19 สำหรับล้อหน้าและขนาด 275/35 R19 สำหรับล้อหลัง
การอัพเกรดภายในมีเพียงการเพิ่มเบาะที่นั่งของ Recaro เข้าไป 1 คู่เท่านั้น สวยไม่สวยอย่างไรเชิญชมกันได้เลยครับ (แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าที่แต่ง Prius แน่นอน เพราะรถมันสวยอยู่แล้ว!)
ขอขอบคุณhttp://www.autospinn.com
รถ
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Porsche 911 GT3 R Hybrid รถแข่งระบบไฮบริดแบบ Flywheel เตรียมทดสอบความแรงกลางปีนี้
Porsche ได้พัฒนาเวอร์ชั่นไฮบริดของ GT3 ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า 911 GT3 R Hybrid โดยมีกำหนดการเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show เดือนหน้่านี้ และเตรียมลงแข่งทดสอบแบบ Endurance 24 ชั่วโมงในช่วงกลางปี อย่างไรก็ตามซุปเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้ไม่ได้เป็นรถระบบไฮบริดเต็มรูปแบบเหมือนอย่าง Toyota Prius ซึ่ง Porsche เลือกที่จะใช้ Flywheel Generator ที่มีอยู่ในระบบ Kinetic Energy Recovery System (KERS) มาช่วยขับเคลื่อนรถ
Flywheel Generator เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับโรเตอร์ที่หมุนด้วยความเร็วรอบ 40,000 รอบ/นาที โดยจะเก็บพลังงานไว้ในรูปแบบของพลังงานการหมุน Flywheel Generator จะถูกชาร์จพลังงานในทุกครั้งที่มีการเบรคโดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ทำงานในลักษณะตรงกันข้ามกับหน้าที่ปกติคือ จากการเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานกลับกลายเป็นตัวกำเนิดพลังงานไฟฟ้าแทน และเมื่อใดที่ผู้ขับต้องการพลังงานเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ พลังงานที่เก็บไว้ที่ Flywheel Generator จะถูกนำมาใช้ในฐานะพลังงานเสริม นั่นหมายความว่า พลังงานจากการเบรครถที่ส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานที่สูญเสียไปในรูปของความร้อนจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ดเป็นพลังงานเสริมของรถไปในกรณีนี้
Porsche ใช้เครื่องยนต์วางหลังเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ 4.0 ลิตร 480 แรงม้า ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ติดตั้งบริเวณเพลาหน้า ซึ่งให้กำลัง 120 กิโลวัตต์หรือประมาณ 161 แรงม้า
Porsche เตรียมส่ง 911 GT3 R Hybrid รายการแข่งขันรถแข่งระยะไกล 24 ชั่วโมงที่สนาม Nurburgring ประเทศเยอรมันนีในวันที่ 15-16 พฤษภาคม ศกนี้ครับ
ขอขอบคุณhttp://www.autospinn.com
Flywheel Generator เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับโรเตอร์ที่หมุนด้วยความเร็วรอบ 40,000 รอบ/นาที โดยจะเก็บพลังงานไว้ในรูปแบบของพลังงานการหมุน Flywheel Generator จะถูกชาร์จพลังงานในทุกครั้งที่มีการเบรคโดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ทำงานในลักษณะตรงกันข้ามกับหน้าที่ปกติคือ จากการเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานกลับกลายเป็นตัวกำเนิดพลังงานไฟฟ้าแทน และเมื่อใดที่ผู้ขับต้องการพลังงานเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ พลังงานที่เก็บไว้ที่ Flywheel Generator จะถูกนำมาใช้ในฐานะพลังงานเสริม นั่นหมายความว่า พลังงานจากการเบรครถที่ส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานที่สูญเสียไปในรูปของความร้อนจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ดเป็นพลังงานเสริมของรถไปในกรณีนี้
Porsche ใช้เครื่องยนต์วางหลังเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ 4.0 ลิตร 480 แรงม้า ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ติดตั้งบริเวณเพลาหน้า ซึ่งให้กำลัง 120 กิโลวัตต์หรือประมาณ 161 แรงม้า
Porsche เตรียมส่ง 911 GT3 R Hybrid รายการแข่งขันรถแข่งระยะไกล 24 ชั่วโมงที่สนาม Nurburgring ประเทศเยอรมันนีในวันที่ 15-16 พฤษภาคม ศกนี้ครับ
ขอขอบคุณhttp://www.autospinn.com
เกิดแล้ว! Porsche 918 Spyder ซุปเปอร์คาร์ไฮบริด รับไฟเขียวผลิตขาย แรง หล่อ สะอาดสุดๆ
ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ สำหรับการตัดสินใจผลิต Porsche 918 Spyder ซุปเปอร์คาร์ระบบ Plug-In Hybrid หลังจากที่เปิดตัวในฐานะรถแนวคิดเมื่อต้นปีในงาน Geneva Motor Show และได้รับความสนใจที่จะสั่งซื้อจากคนกระเป๋าหนักกว่า 2,000 ราย ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Porsche ไฟเขียวโครงการนี้ เพราะเดิมทีคิดว่าจะตัดสินใจผลิตถ้ามีคนสนใจมากกว่า 1,000 ราย(คัน) แต่ความสนใจล้นหลามเกินเป้าไปมาก เรียกว่าปิดประตูเจ๊งหากมีการผลิตออกมาขาย
จากการเปิดเผยของ Mr.Michael Macht ประธานกรรมการและประธานบริหารของ Porsche AG ว่า 918 Spyder จะมีการผลิตในเมือง Weissach และประกอบที่โรงงานในเมือง Zuffenhausen ประเทศเยอรมันนี โดยสเปคของ 918 Spyder ที่ยังเป็นรถแนวคิดอยู่นั้นใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-In Hybrid ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 3.4 ลิตร 500 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่มีการติดตั้งบนเพลาหน้าและเพลาหลังให้กำลังรวม 218 แรงม้า
Porsche ยังยืนยันว่า ซุปเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 3 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยมีอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศที่ 79 กรัม/กิโลเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่วันเวลาในการเปิดตัวรุ่นผลิตยังไม่มีการเปิดเผย ส่วนราคาขายว่ากันว่าอยู่ที่ประมาณ 6.3 แสนเหรียญสหรัฐ!
จากการเปิดเผยของ Mr.Michael Macht ประธานกรรมการและประธานบริหารของ Porsche AG ว่า 918 Spyder จะมีการผลิตในเมือง Weissach และประกอบที่โรงงานในเมือง Zuffenhausen ประเทศเยอรมันนี โดยสเปคของ 918 Spyder ที่ยังเป็นรถแนวคิดอยู่นั้นใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-In Hybrid ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 3.4 ลิตร 500 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่มีการติดตั้งบนเพลาหน้าและเพลาหลังให้กำลังรวม 218 แรงม้า
Porsche ยังยืนยันว่า ซุปเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 3 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยมีอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศที่ 79 กรัม/กิโลเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่วันเวลาในการเปิดตัวรุ่นผลิตยังไม่มีการเปิดเผย ส่วนราคาขายว่ากันว่าอยู่ที่ประมาณ 6.3 แสนเหรียญสหรัฐ!
ขอขอบคุณhttp://www.autospinn.com
Ferrari 599 Hybrid ซุปเปอร์คาร์ไฮบริดรักษ์ธรรมชาติ เตรียมประกาศความแรงในงาน Geneva Motor Show
เป็นอีกหนึ่งชุดภาพหลุดก่อนการเผยโฉมในงานมอเตอร์โชว์ระดับโลกอย่าง Geneva Motor Show แต่ครั้งนี้เป็นภาพหลุดของซุปเปอร์คาร์อันดับต้นๆของโลกอย่าง Ferrari ที่งานนี้เตรียมอวดโปรเจกท์รักธรรมชาติ โดยเตรียมเปิดตัวรถแนวคิด Ferrari 599 Hybrid ที่ค่ายม้าลำพองต้องหาจุดสมดุลย์ระหว่างความแรงและความรักษ์(ธรรมชาติ)ที่ลงตัวให้ได้ ข่าวที่หลุดออกมาเผยว่า ระบบขับเคลื่อนส่วนหนึ่งจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 137 นิวตันเมตรที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของระบบส่งกำลังวางหลังโดยมีชุดแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่บริเวณใต้พื้นรถ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กำลังที่เพิ่มขึ้นจะไปช่วยชดเชยน้ำหนักของรถที่มากขึ้นประมาณ 100 กิโลกรัม ผลที่ตามมาก็คือ 599 Hybrid จะเร็วและแรงกว่า 599 รุ่นมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวแจ้งว่า ระบบไฮบริดของ Ferrari ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา กว่าจะได้เห็นซุปเปอร์ไฮบริดรุ่นนี้ออกมาเพ่นพ่านบนท้องถนนก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ส่วนรายละเอียดอื่นๆเราจะได้ทราบกันเมื่อมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้ที่ Geneva Motor Show ครับ
ขอขอบคุณhttp://www.autospinn.com
Novitec Rosso 848 Race ร่างจำแลงแปลง Ferrari 599 GTB ให้ระทึกที่ 837 แรงม้า
สำหรับแฟนๆรถแต่งอาจจะรู้สึกคุ้นตากับ Novitec Rosso 848 Race รถแต่งที่ใช้ Ferrari 599 GTB เป็นรถพื้นฐานคันนี้ แต่ขอบอกก่อนว่าเป็นคนละคันกับที่เคยนำมาใช้ชมเมื่อหลายเดือนก่อน และ 848 Race คันนี้ก็เป็นหนึ่งในรถแต่งที่จะไปอวดโฉมในงาน Geneva Motor Show ที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้(2 มีนาคม)ด้วยเช่นกัน และถือว่าเป็นรถที่แรงที่สุดรุ่นหนึ่งที่จะถูกนำไปแสดงในงาน โดย Novitec จะแต่งออกมาเพียง 3 คันเท่านั้น โดยแต่ละคันจะมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
848 Race ใช้เครื่องยนต์ V12 6.0 ลิตรพร้อมระบบคอมเพลสเซอร์คู่ โดยได้รับการอัพเกรดทางด้านเครื่องยนต์กลไกในหลายส่วน มีการตั้งโปรแกรมใหม่ให้กับระบบ ECU รวมถึงท่อร่วมไอดีที่มีการพัฒนาขึ้นมาเฉพาะ หัวฉีดประสิทธิภาพสูง และตัวกรองอากาศสไตล์สปอร์ท
848 Race ใช้เครื่องยนต์ V12 6.0 ลิตรพร้อมระบบคอมเพลสเซอร์คู่ โดยได้รับการอัพเกรดทางด้านเครื่องยนต์กลไกในหลายส่วน มีการตั้งโปรแกรมใหม่ให้กับระบบ ECU รวมถึงท่อร่วมไอดีที่มีการพัฒนาขึ้นมาเฉพาะ หัวฉีดประสิทธิภาพสูง และตัวกรองอากาศสไตล์สปอร์ท
ซุปเปอร์คาร์รุ่นนี้ให้กำลังทั้งสิ้น 837 แรงม้า ที่ 7,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 842 นิวตันเมตร ที่ 6,300 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลัง F1-Superfast 6 จังหวะ ควบคุมผ่าน shift paddle ส่วนอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถทำได้ภายในเวลา 3.4 วินาที 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 9.6 วินาที และ 0-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 23.7 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 345 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับการแต่งโฉมนั้น Novitec ได้ทำการติดตั้งลิปสปอยเลอร์หน้าเพื่อลดการยกตัวของด้านหน้ารถในขณะรถที่แล่นด้วยความเร็วสูง บังโคลนหลังปรับปรุงใหม่ ปีกหลังแบบพิเศษเพื่อเพิ่มแรงกดให้มากขึ้น พร้อม Diffuser ใหม่ การไหลเวียนของอากาศผ่านคิ้วล้อทั้งหน้าและหลังได้รับการควบคุมให้ดีขึ้นโดย rocker panel ด้านข้างซึ่งมีท่ออากาศซึ่งคอยปรับระดับการจ่ายอากาศเย็นไปยังเบรคหลังให้เหมาะสม ส่วนชุดเบรคก็หนีไม่พ้นเจ้าเดิมคือ Brembo
ตัวถังอลูมิเนียมเป็นสีขาวด้านแต่งลายลายสีน้ำตาลดำบริเวณหลังตา และเสาค้ำยัน ส่วนไฟหลังใช้โคมดำทำให้ดูลึกลับเข้าไปอีก ส่วนการตกแต่งภายในของรถรุ่นนี้ ลูกค้าสามารถเลือกแต่งได้ตามใจ ตราบใดที่คุณยังมีเงินจ่าย!
ขอขอบคุณhttp://www.autospinn.com
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Ferrari Scuderia Spider 16M เปิดตัวพร้อมความแรง
หลังจากได้แชมป์ทีมสร้าง Formula One ครั้งที่ 16 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Ferrari เลยถือโอกาสปล่อย F430 Scuderia รุ่นเปิดประทุนออกมาในสัปดาห์นี้ทันที เรียกว่ากระแสกำลังดีเลยต้องรีบตีเหล็กเมื่อยังร้อน Scuderia Spider 16M ได้นำเอาข้อดีต่างๆของ Scuderia Coupe มาทั้งหมด อย่างเช่น เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,300 cc ที่ 510 แรงม้า และเกียร์ F1 Paddle Shift 6 จังหวะ Ferrari อ้างว่า Scuderia Spider เป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยทดสอบในสนามทดสอบ Fiorano
Scuderia มีน้ำหนักเบากว่า รุ่น F430 Spider มาตรฐาน อยุ่ 176 ปอนด์ คือ 2,954 ปอนด์ ซึ่งทำให้สามารถทำความเร็วไปแตะที่ 62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 195.7 ไมล์ต่อชั่วโมง
เนื่องจากว่ารุ่นนี้เป็นรุ่น Limited Edition ทาง Ferrari จึงเพิ่มฟังค์ชั่นและอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น ฝาครอบคาร์บอนไฟเบอร์ตรง Roll Bar การตกแต่งลวดลายภายใน เป็นต้น
Ferrari ตั้งใจจะผลิตออกมาจำหน่ายเพียง 499 คัน ในราคาที่มากกว่า 277,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ประเมินจากรุ่นคูเป้
แหล่งข่าว: Ferrari แปลและเรียบเรียงโดย AutoSpinn.com
วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ferrari 458
วันนี้ Ferrari ได้มี Press Release ของ 458 Italia อีกครั้งพร้อมภาพเพิ่มเติมในงานมอเตอร์โชว์ที่แฟรงค์เฟิร์ตที่กำลังจัดขึ้นในช่วงนี้และ AutoSpinn.com ก็ได้เคยนำภาพและรายละเอียดบางส่วนมาให้ชมกันไปแล้ว ซุปเปอร์คาร์คันนี้เป็นที่สนใตมากที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบันเพราะเป็นรุ่นที่มาแทน F430 ซุปเปอร์คาร์ที่ได้รับความนิยมรุ่นหนึ่ง การปรากฏตัวอีกครั้งจึงย่อมเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนรักรถเสมอ
Highlight สำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ก็คือ กำลังขนาด 562 แรงม้า ที่มีอัตราการใช้น้ำมันและอัตราการปล่อยไอพิษต่ำ จนขนาดที่ Ferrari อ้างว่าเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับรถใน segment นี้เลยทีเดียว
Ferrari 458 Italia ใช้เครื่องยนต์วางกลาง-ท้าย V8 ขนาด 4.5 ลิตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.4 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระบบส่งกำลัง Getrag F1 ที่เป็นเกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตรากำลังต่อน้ำหนักที่ 407 แรงม้า/ตัน โดยมีน้ำหนัก(dry weight)ที่ 1,380 กิโลกรัม
จากการพัฒนาอย่างมากทางด้านอากาศพลศาสตร์สำหรับการออกแบบภายนอก และการลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในเครื่องยนต์ ทำให้ Ferrari 458 Italia สามารถทำตัวเลขอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้ดีที่ 13.3 ลิตร/100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันมากกว่า F430 มาก โดย F430 กินน้ำมันมากถึง 18.3 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนในเรื่องของอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศนั้น 458 Italia ก็ทำได้ดีกว่า F430 มากเช่นกันคือ 307 กรัม/กิโลเมตร ในขณะที่ F430 ปล่อยไอพิษสูงถึง 420 กรัม/กิโลเมตร
การพัฒนาใหม่ๆก็เช่น winglet แบบ aeroelastic ที่มีจะช่วยลดแรงฉุด พวงมาลัยแบบ multi-function ที่ออกแบบมาให้เข้ากับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ระบบเบรคใช้แบบคาร์บอนเซรามิคของ Brembo ตัวถังทำด้วยอลูมิเนียม ระบบ infotainment จาก Harman ไฟ LED หน้า-หลัง และชุดอุปกรณ์ภายในที่ใช้ของหรูอย่าง Magneti Marelli
ในเรื่องของราคา ณ วันนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยครับ แต่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 190,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา
Highlight สำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ก็คือ กำลังขนาด 562 แรงม้า ที่มีอัตราการใช้น้ำมันและอัตราการปล่อยไอพิษต่ำ จนขนาดที่ Ferrari อ้างว่าเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับรถใน segment นี้เลยทีเดียว
Ferrari 458 Italia ใช้เครื่องยนต์วางกลาง-ท้าย V8 ขนาด 4.5 ลิตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.4 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระบบส่งกำลัง Getrag F1 ที่เป็นเกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตรากำลังต่อน้ำหนักที่ 407 แรงม้า/ตัน โดยมีน้ำหนัก(dry weight)ที่ 1,380 กิโลกรัม
จากการพัฒนาอย่างมากทางด้านอากาศพลศาสตร์สำหรับการออกแบบภายนอก และการลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในเครื่องยนต์ ทำให้ Ferrari 458 Italia สามารถทำตัวเลขอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้ดีที่ 13.3 ลิตร/100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันมากกว่า F430 มาก โดย F430 กินน้ำมันมากถึง 18.3 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนในเรื่องของอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศนั้น 458 Italia ก็ทำได้ดีกว่า F430 มากเช่นกันคือ 307 กรัม/กิโลเมตร ในขณะที่ F430 ปล่อยไอพิษสูงถึง 420 กรัม/กิโลเมตร
การพัฒนาใหม่ๆก็เช่น winglet แบบ aeroelastic ที่มีจะช่วยลดแรงฉุด พวงมาลัยแบบ multi-function ที่ออกแบบมาให้เข้ากับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ระบบเบรคใช้แบบคาร์บอนเซรามิคของ Brembo ตัวถังทำด้วยอลูมิเนียม ระบบ infotainment จาก Harman ไฟ LED หน้า-หลัง และชุดอุปกรณ์ภายในที่ใช้ของหรูอย่าง Magneti Marelli
ในเรื่องของราคา ณ วันนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยครับ แต่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 190,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา
ขอบคุณเรื่องดีๆจากhttp://www.autospinn.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)